นวดรักษา-แก้อาการ (โดยหมอนวดวิชาชีพ)ภาวะอาการปวดเรื้อรังต่างๆของเรา โดยส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมที่ผิดในชีวิตประจำวัน และเมื่อทำพฤติกรรมนั้นๆนานวันเข้า ก็จะเกิดความเจ็บปวดบริเวณต่าง ๆ ทั้งนี้เนื่องจากภาวะที่กล้ามเนื้อจะต้องตรึงตัวเองในท่าทางต่างๆ จนเกิดการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อมัดนั้นๆ เมื่อมีการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อมัดนั้นแล้วกล้ามเนื้อก็จะสร้างพังพืดขึ้น ก่อตัวเป็นลูกและสร้างโซนความเจ็บปวดไปร่วมกับกล้ามเนื้อคู่หู รบกวนการไหลเวียนของเลือดจนก่อเป็นอาการปวดเรื้อรัง อาทิ

1). อาการปวดศีรษะ คอ บ่า ไหล่ และอาจปวดเมื่อยลงท้องแขน สาเหตุเพราะท่านมีพฤติกรรมนั่งคอยื่นไปข้างหน้าเป็นเวลานาน เช่น นั่งทำงานหน้าเครื่องคอม พิวเตอร์โดยการนั่งหลังค่อมคอยื่นทำให้กล้ามเนื้อหลังคอและกล้ามเนื้อเงยหน้าต้องทำงานหนัก และสร้างโซนปวดร้าวขึ้น อาทิ ปวดกระบอกตา ปวดหน้าผาก ปวดท้ายทอย บนกระหม่อม ปวดหลังกกหู ปวดขมับ ปวดต้นคอ ปวดบ่า เวียนศีรษะหรือคลื่นไส้อาเจียนง่าย นอนหงายหายใจไม่สะดวกหลับไม่สนิท อาการเหล่านี้สามารถหายได้เพียง แต่ท่านปรับพฤติกรรมท่าทางการทำงาน โดยปรับท่านั่งให้ถูกหลัก หมั่นนวดคอบ่าไหล่และบริหารร่างกาย หากยังไม่หาย ให้ปรึกษาหมอนวดวิชาชีพ นักกายภาพบำบัด หรือพบแพทย์

2). อาการปวดร่องสะบัก หรือโรคสะบักจม ชามือ-แขน สาเหตุเพราะท่านทำงานในท่าแขนยื่นไปข้างหน้าเป็นเวลานาน เช่น นั่งทำงานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยการนำ นำแผงคีย์บอร์ดวางบนโต๊ะทำงานซึ่งไม่ใช่โต๊ะสำหรับวางคอมพิวเตอร์ ใช้โน๊ตบุ๊ควางบนโต๊ะ การเล่นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหรือนอนเล่นเป็นเวลานาน ซึ่งจะต้องยื่นแขนออกไป ทำให้กล้ามเนื้อยึดสะบัก กล้ามเนื้อคลุมสะบักและกล้ามเนื้อเหยียดแขนต้องทำงานหนัก และสร้างโซนปวดร้าวขึ้น อาทิ อาการปวดร่องสะบักลงไปท้องแขน ปวดร่องสะบักขึ้นไปที่คอ ทำให้ปวดคอเรื้อรัง มีอาการชามือ ชาปลายแขน นอนตะแคงทับแขนข้างที่ปวดชาไม่ถนัด อาการเหล่านี้สามารถหายได้ เพียงแต่ท่านปรับพฤติกรรมท่าทางการทำงาน หมั่นนวดและ บริหารร่างกาย หากยังไม่ดีขึ้นให้ปรึกษาหมอนวดวิชาชีพ นักกายภาพบำบัด หรือพบแพทย์

3). อาการปวดหลังทั่วไป(ปวดบั้นเอว) ที่ไม่ปวดร้าวลงไปที่ขา สาเหตุเพราะท่านนั่งทำงานในท่าหลังค่อม เช่นนั่งไขว่ห้าง นั่งเหยียดขาไปข้างหน้า ก้มยกของหนัก ขับรถทางไกล นั่งทำสมาธิ ทำให้กล้ามเนื้อหลังบริเวณบั้นเอวต้องตรึงไว้เป็นเวลานาน ขังของเสียไว้จนทำให้กล้ามเนื้อแข็งเกร็งเป็นลำ รบกวนการไหลเวียนเลือดจนเกิดอาการปวด เมื่อยบั้นเอวปวดลงก้นย้อยสะโพก มีอาการหลังแข็งเวลาลุกขึ้นยืน หรือออกจากรถ อาการเหล่านี้สามารถหายได้ เพียงท่านปรับท่านั่งให้เหมาะสม เช่นนั่งทำงานให้ถูกหลัก ขับรถต้อง ต้องมีหมอนรองก้นรองหลัง นั่งสมาธิก็ต้องมีหมอนพิงก้น หายยังไม่หายให้ปรึกษาหมอนวดวิชาชีพ นักกายภาพบำบัด หรือพบแพทย์

4). อาการปวดหลังร้าวลงขา โดยส่วนใหญ่สาเหตุเกิดจากการที่กล้ามเนื้อขังของเสียเป็นจำนวนมากที่บั้นเอว ก้นและสะโพกจนเกิดการบีบรัดของประสาทและการไหลเวียน เลือดที่ลงไปเลี้ยงขา เกิดจุดกดเจ็บที่ก้นและสะโพกซึ่งจะแสดงอาการคล้ายกับอาการกระดูกทับเส้นประสาท อาการเหล่านี้สามารถตรวจทางหัตถเวชเพื่อแยกแยะอาการจากอาการ กระดูกทับเส้นได้ และสามารถบำบัดโดยรักษาที่จุดกดเจ็บได้ (อาการเหล่านี้โดยส่วนตัวอยากให้ผู้ป่วยพบหมอนวดวิชาชีพก่อนที่จะไปมีประวัติที่โรงพยาบาลให้เสียโอกาสทำประกัน สุขภาพกับบริษัทประกันต่างๆ ซึ่งหากท่านมีประวัติแล้ว บริษัทประกันจะไม่รับทำประกันให้ท่านหรือคุ้มครองกรณีดังกล่าว ) โรคที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากพฤติกรรม ความเคยชิน ท่านควรจะต้องแก้ที่ความเคยชินโดยการปรับท่าทางการทำงานในชีวิตประจำวัน ท่าทางแบบใดที่ก่อให้เกิดโรคต้องหลีกเลี่ยง อย่าปล่อยให้กล้ามเนื้อส่วนใดเกิดความ เครียดตึงโดยไม่จำเป็น กรณีนี้ก็เช่นกันเพราะเราปล่อยให้กล้ามเนื้อหลังตรึงตัวในท่าหลังค่อมก็รั้งกล้ามเนื้อก้นและสะโพกด้วย จึงมีอาการดังกล่าว การปรับท่ายืน เดิน นั่ง นอน ให้ถูกหลักจึงเป็นหัวใจของการแก้ไข หากยังไม่หายควรปรึกษาแพทย์ทางเลือกก่อนเช่น หมอนวดวิชาชีพ นักกายภาพบำบัด หากไม่หายจึงไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจในชั้นลึกต่อไป

5). อาการปวดฝ่าเท้า หรือส้นเท้า ตอนตื่นนอน หรือเดินมาก สาเหตุเกิดจากการเดินมาก ยืนนาน ยืนขาไม่ตึง ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะไปนวดฝ่าเท้าเพื่อคลายความเจ็บปวด แต่สาเหตุที่แท้จริงเกิดจากกล้ามเนื้อน่องและหน้าแข้งสร้างโซนปวดไปที่ฝ่าเท้าหรือส้นเท้า เนื่องจากกล้ามเนื้อทั้งน่องและหน้าแข้งเป็นคู่หูกันและมีการดึงรั้งกันเบาๆ อยู่ตลอดเวลา หากกล้ามเนื้อมัดใดเกิดจุดเจ็บก็จะทำให้กล้ามเนื้อคู่หูทำงานหนักขึ้นจนไปสร้างปัญหาให้กับจุดเกาะร่วมกันของกล้ามเนื้อ กรณีนี้อาจมีอาการของตะคริวร่วมด้วย อาการเหล่านี้หายได้ โดยการยืนขาให้ตึง กดจุดเจ็บที่น่องและหน้าแข้งและยืดกล้ามเนื้อน่องเป็นประจำ หากยังไม่หายให้ปรึกษาหมอนวดวิชาชีพ นักกายภาพบำบัด หรือพบแพทย์ต่อไป

6). อาการปวดหน้าขาต้นขา สาเหตุเกิดจากการทำงานในท่าก้มๆเงยๆ เป็นเวลานาน หรือก้มยกของจำนวนมากๆ นักกีฬา อาการปวดถ้าเป็นมากจะก้าวขาไม่ออก ก้าวแล้วจะ ทรุดตัวลง เวลานอนหงายอาจเหยียดขาไม่ออก ถ้าเป็นน้อยก็จะปวดอยู่ที่ต้นขาด้านหน้า เป็นเพราะกล้ามเนื้อท้องที่เกาะกระดูกต้นขาที่ทำหน้าที่ก้าวขาอักเสบ หากเป็นสุภาพสตรีก็เกิด จากมดลูกตะแคงหรือมดลูกต่ำ เวลามีรอบเดือนจะหน่วงท้องปวดเอว ปวดต้นขามากและอาจลามไปถึงเข่าด้วย อาการนี้สามารถนวดบำบัดได้หรือทำท่าบริหารร่างกายให้ถูกวิธี หลีกเลี่ยง การยกของหนักในท่าก้มตัว ปรับท่ายืน เดิน นั่ง นอน ให้ถูกต้อง นวดก่อนมีระดูอย่างน้อย 7 วัน หากยังไม่หายให้ปรึกษาหมอนวดวิชาชีพ นักกายภาพบำบัด หรือพบแพทย์ต่อไป

หัวใจของการนวดบำบัดของหมอนวดวิชาชีพ เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังแนวทางเวชปฏิบัติของหมอที่จะต้องนัดหมายผู้ป่วยให้มาทำการบำบัด ดังนี้ โรคเรื้อรัง ทำการบำบัดในสัปดาห์แรก 3 ครั้ง วันเว้นวัน หากดีขึ้นก็ทำการบำบัดต่อเนื่อง 10 – 15 ครั้ง หรือจนกว่าจะหาย ถ้าหาก 3 ครั้งแรกอาการสำคัญยังไม่ลดลง อาจ ทำการนวดบำบัดต่อ หรือส่งไปพบแพทย์

ขั้นตอนของการนวดบำบัดมีดังนี้
1. การหาสาเหตุของโรค หรือพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดโรค
2. หาต้นเหตุของโรค คือมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อจุดใด โดยการทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดที่สงสัย
3. กดจุดบำบัดตามแบบแผน คลายกล้ามเนื้อ หรืออาจทำการปรับสมดุลที่เกี่ยวข้องจำเป็น
4. ประคบร้อน ยืดกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง และแนะนำท่ากายบริการกล้ามเนื้อที่จำเป็น
5. แนะนำการปรับพฤติกรรมในที่ทำงาน ปรับท่าทางให้เหมาะสม
6. นัดครั้งต่อไป

ด้วยความปราถณาดีจาก

หมอกรณพัทธ์ สีมันตธรรมกุล (หมออั๋น)
หมอนวดวิชาชีพ ผู้ประกอบโรคศิลปะ
ใบอณุญาตเลขที่ พท.น.๒๔๔๑
สงวนลิขสิทธิ์ 1 มกราคม 2557